เมื่อสินค้ายิง ads ไม่ได้ จะขายยังไงดีนะ?

เดี๋ยวนี้จะขายอะไรก็ต้องพึ่งการทำโฆษณา หรือยิง Ads ผ่านช่องทาง Social ต่างๆ เพื่อเพิ่มการมองเห็น และเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่ธุรกิจของเราต้องการ แต่ถ้าสินค้าของเราดันไปอยู่ในหมวดสินค้าต้องห้าม! เช่นห้ามซื้อโฆษณาใน Facebook จะทำยังไงดีนะ? วันนี้ UNBOX จะมานำเสนอวิธีการเพิ่มยอดขายแบบไม่ต้องง้อ Ads จะได้เป็นตัวเลือกให้คนทำธุรกิจได้ลองนำไปปรับใช้กัน

1. ตัวสินค้าคือปัจจัยสำคัญ

  • ราคา

กลยุทธ์การตั้งราคาสินค้าสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าอยากตีตลาดในรูปแบบไหน เช่น การเน้นเพิ่มปริมาณยอดขายด้วยสินค้าราคาถูก ตัวอย่างเช่นสินค้าจำพวกสเปรย์หรือเจลแอลกอฮอล์ที่กลายเป็นของใช้ประจำตัวของทุกคนไปแล้ว มีความต้องการใช้ในปริมาณสูงอย่างต่อเนื่อง หากเราเลือกเน้นการขายแบบ “เอาเฉพาะฟังก์ชั่นการใช้งาน” ก็สามารถตั้งราคาสินค้าให้ถูกลง แล้วลด Cost ในส่วนของ Packaging เพื่อเน้นขายปริมาณก็ได้

กลยุทธ์การตั้งราคาอีกแบบคือการนำเอาความจริงข้อเดียวกันว่าสเปรย์แอลกอฮอล์กลายเป็นสินค้าติดตัว มาตีความอีกแบบ คือการนำเอาไลฟ์สไตล์เข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Packaging กลิ่นหอม ของประดับตกแต่ง หรือว่า Option เสริมต่างๆ ก็จะสามารถเพิ่มมูลค่าให้สินค้าได้อีกวิธีหนึ่ง

  • ดีไซน์

ขอยกตัวอย่างสินค้าจำพวกสเปรย์แอลกอฮอล์เหมือนเดิม ที่ก่อนหน้านี้ได้เกริ่นไว้ว่ากลายเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน คนมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของสไตล์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นแนวมินิมอล หรูหรา หรือแนวน่ารักกุ๊กกิ๊ก ทำให้ของใช้ธรรมดาๆนี้ กลายเป็นเครื่องประดับที่พกติดตัวไปอีกชนิด หากจะสร้างแบรนด์ควรเลือกดู Positioning และ Target ของเราให้ดี ว่าอยากเจาะตลาดกลุ่มไหน และออกแบบสินค้าให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายของเรา เช่น ถ้าอยากเจาะกลุ่มนักศึกษาอาจจะต้องออกแบบขวดให้มีสีสันสดใส ลายการ์ตูน ภาชนะที่บรรจุก็ต้องมีความเก๋ อวดเพื่อนได้ไม่อายใคร

  • ฟังก์ชั่นเสริม

ยกตัวอย่างสินค้าพวกสเปรย์แอลกอฮอล์ พวกฟังก์ชั่นเสริมต่างๆ อย่างสติกเกอร์ตกแต่ง หรือสายคล้องห้อยขวด นอกจากจะเป็นสินค้าที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้แบรนด์ได้แล้ว ยังเป็นสินค้าที่สามารถลงโฆษณาหรือยิง Ads ได้อีกด้วย เมื่อสินค้าหลักไม่สามารถลง Ads ได้ ก็ให้เลี่ยง เอาสินค้ารองที่มีความเกี่ยวข้องมาโปรโมทแทน ก็จะช่วยให้คนรู้จักแบรนด์ และสินค้าหลักของเรามากขึ้น

2. Community และ Touchpoint ที่แข็งแรง

  • Build Fans & Followers

ยิ่งเรารู้ว่าสินค้าของเราซื้อ Ads ไม่ได้ การสร้างฐานแฟนคลับและ Followers ให้ยิ่งมีมากก็ยิ่งสำคัญ เพราะช่วยเพิ่มโอกาสที่คนจะเห็นสินค้าและซื้อสินค้าให้มากตาม ถึงแม้จะยิง Ads โปรโมทตัวสินค้าโดยตรงไม่ได้ แต่การซื้อ Ads เพื่อเพิ่มยอด Followers และ Fans ยังสามารถทำได้อยู่

  • Consistent Communication

อย่าลืม Make Sure ว่าช่องทางการสื่อสารของเราจะต้องมีการอัพเดท เคลื่อนไหวอยู่เสมอ เปรียบเสมือนหน้าร้านที่ได้รับการดูแล และมีความ Active เมื่อมีคนสนใจสินค้า และเข้ามาดูร้านของเรา ก็จะรู้สึกเชื่อมั่นว่าเป็นร้านค้าที่ไว้ใจได้ ความเคลื่อนไหวในที่นี้อาจหมายถึงการทำการสื่อสารที่เสมอต้นเสมอปลาย การมีกิจกรรมจากแบรนด์ที่สม่ำเสมอ และ ‘True to Your Brand’ คือต้องตรงประเด็นภาพลักษณ์ที่เราต้องการจะสื่อ และสร้างให้ติดตลาด เช่น ใน 1 เดือนควรมีการโพสต์ลง Social Media ประมาณ 5-7 โพสต์, มีการอัพเดทเว็บไซต์สม่ำเสมอ, มีการออกบู้ทตาม Community Mall บ้าง หรือร่วมกิจกรรมกับ e-Commerce Platform

  • Touchpoint(s?)

ในการตัดสินใจเปิด Social Media ต่างๆของแบรนด์นั้น ควรชั่งน้ำหนักผลดี-ผลเสียของการมีช่องทางเยอะหรือน้อยให้ดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแบรนด์ โดย Touchpoint ต่างๆ ยิ่งมีมากก็สะดวกกับผู้ซื้อ และสามารถมั่นใจได้ว่า Cover All Ground แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมั่นใจด้วยว่าทีมงานเราสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง ถ้าไม่สามารถทำได้ทีมงาน UNBOX แนะนำว่าให้ Build แค่ช่องทางใดช่องทางหนึ่งหรือ 2 ช่องทางจะดีกว่าการกระจายอยู่ทุกที่แต่ไม่สามารถดูแลให้อัพเดททั่วถึงได้ และอาจกลายเป็นผลเสียมากกว่าข้อดีในภายหลัง

3. Communication ที่หลากหลาย

  • Strong and Full Product Information

ข้อมูลพื้นฐานของสินค้าต้องมี บอก Benefits และจุดต่างของสินค้าของเราให้ชัด ถึงแม้จะซื้อ Ads ไม่ได้ แต่เมื่อคนเข้ามาในพื้นที่เราแล้วต้องพร้อมแสดงให้คนเห็น ไม่อย่างนั้นจะเป็นการเสียโอกาสทันที การ Pin Post ไว้เมื่อคนกดเข้ามาในหน้า Profile ก็เป็นการช่วยให้ลูกค้าหาข้อมูลได้ง่ายและตัดสินใจได้ไวขึ้นเช่นกัน ตัวอย่างเช่นสินค้าประเภทอาหารเสริม แน่นอนว่าการทำรูป Before & After จะไม่สามารถทำโฆษณาได้ แต่ก็สามารถใช้ในการ Pin Post หรือเอาไว้ที่ Highlight Story ใน Instagram ได้

  • Lifestyle Content ช่วยเพิ่มความสนใจ และการเข้าถึง

ในเมื่อแบรนด์ไม่สามารถซื้อ Ads ที่เกี่ยวกับตัวสินค้าได้ การใช้ภาพแนวไลฟ์สไตล์จึงเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นการช่วยสร้างภาพความอยากได้ อยากเป็น ให้กับกลุ่มเป้าหมายนั้นๆ

  • ใช้ Third Party มาช่วยโปรโมท

การใช้ KOL (Key Opinion Leader) มาช่วยนำเสนอสินค้าเป็นตัวเลือกที่ดีมากในปี 2022 โดย KOLs ไม่จำเป็นต้องแพงหรือเป็นคนดังเสมอไป แต่ควรมีฐานแฟนที่เชื่อถือเพราะชอบ KOL คนนั้นจริงๆ นอกจากนี้การใช้ Micro Influencers สามารถช่วยประหยัดงบต่อ Content และถ้าใช้ในปริมาณที่เยอะจะทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าเป็นจำนวนมากขึ้นได้ ที่สำคัญควรเลือก KOLs ที่ตรงกับสไตล์ของสินค้าที่เราต้องการสื่อเพิ่มช่วยเสริมภาพลักษณ์ (Branding) และภาพจำของสินค้าหรือแบรนด์ของเรา

Contributor

Share this post with your friends

More Articles

blog
Katina Rinsawasdi

It’s Time for Food Delivery ธุรกิจส่งอาหาร กำลังโตแบบฉุดไม่อยู่

ถ้าลองนึกถึงเมื่อหลายปีก่อน ธุรกิจส่งอาหาร นั้นจะถูกลิมิตไว้กับ Restaurant Chain ใหญ่ๆ เท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้ ด้วยการก้าวกระโดดของเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงในวงการดิจิทัล และตลาด

Read More »

กลยุทธสงครามนางงาม 2020 เปิดศึกดิจิทัลเต็มรูปแบบ

อีเวนต์สายบันเทิงที่ฮ็อตที่สุดในช่วงเดือนกันยายนนี้ คงหนีไม่พ้นการประกวดนางงามจากสองเวทีหลักของประเทศไทย คือ Miss Universe Thailand และ Miss Grand Thailand

Read More »
blog
Jinsiree Palakawongsa Na Ayudthaya

FANSUMER: รู้จักการทำการตลาดกับเหล่า Fans

วันนี้ UNBOX BKK จะพาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ “Fansumer” โดยเป็นการทำความเข้าใจกลุ่มผู้บริโภคที่เรียกว่าแฟนคลับของทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่ศิลปิน ดารา นักร้อง จนไปถึงหนังสือ

Read More »
Comodo SSL